เหตุฆาตกรรมด้วยไซยาไนด์ พ.ศ. 2566 หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ เหตุแอม ไซยาไนด์^[2] เป็นเหตุฆาตกรรมที่ยังสรุปไม่ได้^[1] ด้วยการวางยาไซยาไนด์ในอาหาร^[3] ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย^[4] ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตภรรยาของตำรวจชั้นยศสูง^[5][6] และถูกจับกุมด้วยข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ^[7]

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เทียบเคียงเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องที่ผู้ชายเป็นผู้ก่อเหตุในประเทศไทยอย่างบุญเพ็งหีบเหล็ก หรือสมคิด พุ่มพวง ซึ่งพฤติการณ์ชี้ว่ามีแรงจูงใจทางเพศ ขณะที่ฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงมักมีแรงจูงใจด้านเงินมากกว่า^[8] รองศาสตราจารย์ พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าไม่ค่อยพบเหตุฆาตกรรมด้วยการวางยามากนัก และญาติไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตถูกวางยา จึงไม่มีการชันสูตรพลิกศพ^[9]

ตำรวจเปิดเผยว่ามีเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่และช่วงเวลาที่แตกต่างกันซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับสรารัตน์ (แอม) ผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ถึง วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2566 ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม, จังหวัดมุกดาหาร, จังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดราชบุรี และจังหวัดอุดรธานีตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 15 เหตุ (เสียชีวิต 14 เหตุ, รอดชีวิต 1 เหตุ)^[4] เสียชีวิตด้วยอาการหรือภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ, ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว, หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น^[10][11] บางรายทรัพย์สินส่วนบุคคลสูญหาย พบการโอนเงินของผู้เสียชีวิตที่จังหวัดกาญจนบุรีเข้าบัญชีของผู้ก่อเหตุ^[10][11]

เรียงตามลำดับการเสียชีวิต พบผู้เสียชีวิตรายแรกที่มีลักษณะเหตุการณ์คล้ายเคียงกันเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ด้วยภาวะหัวใจวายที่จังหวัดนครปฐม มีความสัมพันธ์คือการกู้ยืมเงินกับผู้ก่อเหตุ รายที่สองเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เป็นหนึ่งในสมาชิก "วงแชร์" และได้รับยาลดน้ำหนักจากผู้ก่อเหตุซึ่งติดหนี้เธอหลักแสนบาท รายที่ห้า ร.ต.อ.หญิง กานดาฯ หนึ่งในสมาชิกวงแชร์ เสียชีวิตด้วยระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว รายที่เจ็ดในจังหวัดสมุทรสาครเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2565 รจรินทร์ฯ เสียชีวิตด้วยภาวะเลือดเป็นกรดหลังรับถุงอาหารจากผู้อื่นและเกิดอาการชัก เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกวงแชร์ รายที่เก้า กรรณิการ์ฯ เสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 หลังพบกับผู้ก่อเหตุที่จังหวัดราชบุรีและมีการสลับเปลี่ยนมานั่งบนรถยนต์ของผู้ก่อเหตุ รายที่ 11 สุทธิศักดิ์ฯ สามีนอกสมรส เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สร้อยคอทองคำ พระเครื่อง และเงินสดจำนวนหนึ่งสูญหาย รายที่ 12 พ.ต.ต.หญิง รายหนึ่งเดินทางไปไหว้พระที่บริเวณพระปฐมเจดีย์ จากนั้นเกิดอาการชักเกร็งไม่ได้สติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เงินสดและเงินในบัญชีธนาคารถูกถอนออกไป^[12] รายที่ 13 ศิริพร ขันวงษ์ ท้าวแชร์ในวง หมดสติเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 กล้องวงจรจับภาพเธอถือถุงพลาสติกมีปลาอยู่ข้างในเพื่อนำไปปล่อยริมแม่น้ำ ขณะที่สรารัตน์ซึ่งไปด้วยกันละทิ้งเธอและหนีไปพร้อมด้วยทรัพย์สินมีค่าจำนวนหนึ่งไป^[4][13] แม้ส่วนใหญ่จะเสียชีวิต แต่มีบุคคลหนึ่งรอดชีวิตได้ด้วยการเข้าถึงการช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่าบุคคลนี้จะเป็นพยานสำคัญในคดีนี้^[14]

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2566 ญาติของศิริพรเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้มีการโอนการสืบสวนการเสียชีวิตของเธอที่สงสัยว่าอาจถูกสรารัตน์วางยาจากตำรวจท้องถิ่นเพราะกังวลถึงความเป็นไปได้ในการแทรกแทรงรูปคดีหากพิจารณาว่าสามีของผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจชั้นยศสูง^[15][16] ตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบปรามเข้าจับกุมสรารัตน์เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566^[17] โดยเชื่อว่าผู้ก่อเหตุวางไซยาไนด์ลงไปในอาหารให้ผู้เสียชีวิตรับประทาน^[18] สรารัตน์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของตำรวจ แต่ยอมรับว่าเธอเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับศิริพรจริง^[19]

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุในชั้นต้นว่าเหตุจูงใจอาจเป็นการหวังประสงค์ให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน โดยชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายของผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่คือบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจ^[20]