ฉลาด หิรัญศิริ
ฉลาด หิรัญศิริ | |
---|---|
เกิด | 4 มกราคม พ.ศ. 2466 |
เสียชีวิต | 21 เมษายน พ.ศ. 2520 (54 ปี) เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี |
สาเหตุเสียชีวิต | ประหารชีวิตด้วยการยิง |
สัญชาติ | ไทย |
การศึกษา | โรงเรียนนายร้อยทหารบก โรงเรียนเสนาธิการทหารบก วิทยาลัยเสนาธิการทหาร |
อาชีพ | ทหาร |
มีชื่อเสียงจาก | ผู้ก่อกบฏ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 |
สถานะทางคดี | ถูกประหารชีวิต |
พิพากษาลงโทษฐาน |
|
บทลงโทษ | ประหารชีวิต |
รายละเอียด | |
ผู้เสียหาย | รัฐบาลไทย |
วันที่ | 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 |
ประเทศ | ประเทศไทย |
รัฐ | กรุงเทพมหานคร |
ตำแหน่ง | สวนรื่นฤดี ถนนนครราชสีมา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต |
ตาย | พล.ต. อรุณ ทวาทศิน , 54 ปี |
อาวุธ | ปืนพกขนาด.38 |
วันที่ถูกจับ | 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 |
จำคุกที่ | เรือนจำกลางบางขวาง |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
แผนก/ | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | พ.ศ. 2484 – 2520 |
ชั้นยศ | พลเอก (ถอดยศ)[1] |
บังคับบัญชา | รองผู้บัญชาการทหารบก |
การยุทธ์ | สงครามอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา สงครามเกาหลี การก่อการกำเริบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย สงครามเวียดนาม |
ฉลาด หิรัญศิริ เป็นนายทหารชาวไทย อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก ที่มีความพยายามก่อรัฐประหาร
การรับราชการทหาร
[แก้]พ.ศ. 2483 พล.อ. ฉลาด เริ่มรับราชการในตำแหน่งรองผู้บังคับกองร้อย ในยศร้อยตรี ที่จังหวัดอุดรธานี โดยมี ร.อ. ประภาส จารุเสถียร เป็นผู้บังคับกองร้อย ต่อมาเมื่อเกิดสงครามเกาหลี พล.อ. ฉลาด จึงได้อาสาสมัครไปรบในตำแหน่งงานยุทธศาสตร์ แผน และงบประมาณ (ฝอ.3) ของกองกำลังทหารไทยในเกาหลี ต่อมาในปี พ.ศ. 2506 เขาได้รับตำแหน่งเสนาธิการ กรมยุทธศึกษาทหารบก อัตรายศ"พลตรี" จนในปี พ.ศ. 2511 จึงได้รับยศ"พลโท" ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม พล.อ. ฉลาด ปฏิบัติราชการสนามในสงครามเวียดนามได้อย่างดี จนได้รับหนังสือสดุดีวีรกรรมจากประธานาธิบดีเวียดนามใต้ หลังกลับจากราชการสงครามในเวียดนามใต้ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสถาบันวิชาทหารบกชั้นสูง และก้าวสู่ตำแหน่งราชการในระดับสูงของกองทัพบกในระยะเวลาต่อมา ในสมัยของรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อเขาอายุ 52 ปีเขาได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกในปี พ.ศ. 2518[2] และได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แต่สุดท้ายก็ผิดหวังเพราะรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ประกาศยุบสภาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2519 และหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แล้ว พล.อ. ฉลาด จึงถูกย้ายออกจากกองทัพบกไปประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด ในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2519[3][4]
การศึกษา
[แก้]พล.อ. ฉลาด จบการศึกษา ดังนี้
- โรงเรียนนายร้อยทหารบก (เป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ. สายหยุด เกิดผล, พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ, พล.ต.ต. สง่า กิตติขจร)
- โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- วิทยาลัยเสนาธิการทหาร สหรัฐอเมริกา
ตำแหน่งทหาร
[แก้]- เจ้ากรมยุทธการทหารบก
- ผู้บัญชาการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม ผลัดที่ 2 (ราชการสงคราม ณ เวียดนามใต้)
- รองผู้บัญชาการทหารบก
การก่อกบฏ
[แก้]ในเช้ามืดของวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 กำลังทหาร 1 กองร้อยในกรุงเทพฯ นำโดย พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ (บุตรชายของ พล.อ. ฉลาด) เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก สวนรื่นฤดี เป็นกองบัญชาการ ในส่วนของ พ.ต. บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ กับ พ.ต. วิศิษฐ์ คงประดิษฐ์ นำกำลังทหารจากกาญจนบุรีเข้ามาสมทบตามแผน[4] หลังจากคณะผู้ก่อการที่นำโดย พล.อ. ฉลาด ได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรก พล.ต. อรุณ ทวาทศิน ได้เเย่งปืนเอ็ม 16ไปจาก ร.ท. ชูชีพ ปานวิเชียร พล.อ. ฉลาด ได้สั่งให้ พล.ต. อรุณ วางปืนและเมื่อพูดจบเขาก็ใช้ปืนพกขนาด.38 ยิงใส่ พล.ต. อรุณไป 1 นัด เเต่หลังจาก พล.ต. อรุณถูกยิง มือของ พล.ต. อรุณ ยังถือปืนเอ็ม16อยู่ในท่าพร้อมยิง เขาจึงยิงใส่ พล.ต. อรุณอีก 3 นัดจนทรุดตัวลงกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็เรียกรถพยาบาลให้นำ พล.ต. อรุณ ไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา[5][6]
ช่วงสาย ฝ่ายรัฐบาลเริ่มควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และออกประกาศแจ้งให้ประชาชนทราบสถานการณ์ พร้อมกับสั่งการให้นำกำลังทหารเข้าปิดล้อมกองบัญชาการของคณะรัฐประหารที่สวนรื่นฤดี โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติว่า ทำอย่างไรก็ได้แต่ต้องไม่ให้เสียเลือดเนื้อ [4]
ตกบ่าย กำลังฝ่ายคณะรัฐประหารหมดทางสู้ กำลังทหารที่ออกไปยึดพื้นที่ต่าง ๆ เริ่มวางอาวุธมอบตัวกับฝ่ายรัฐบาล จนเหลือเฉพาะที่สวนรื่นฤดีที่ถูกล้อมด้วยกำลังรถถัง แต่ไม่มีการยิงต่อสู้กัน รัฐบาลจึงส่งตัวแทนเข้าเจรจา คือ พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายทหารรุ่นเดียวกับ พ.ต. อัศวิน โดย พ.ต. สุรยุทธ์ แจ้งคณะรัฐประหารว่า พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นผู้แทนฝ่ายรัฐบาลมาเจรจาเพื่อทำข้อตกลง โดยรัฐบาลยื่นข้อเสนอให้ พล.อ. ฉลาด และพวกผู้ก่อการยอมแพ้ และจะให้ลี้ภัยไปอยู่ที่ไต้หวัน นายทหารของคณะรัฐประหาร ซึ่งประกอบด้วย[4]
- พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ
- พ.ต. สนั่น ขจรประศาสน์
- พ.ต. บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
- พ.ต. วิศิษฐ์ คงประดิษฐ์
- พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ
ก็ออกจากสวนรื่นฤดีไปยังบ้านพัก พล.อ. ฉลาด ย่านลาดพร้าวเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปไต้หวัน โดยจะขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง แต่ว่าเครื่องบินกลับไม่เดินทาง ก่อนที่ผู้ก่อการทั้งหมดก็ถูกจับกุมเเละถูกดำเนินคดี ซึ่งพล.อ. ฉลาดถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วน พ.ท. สนั่น ขจรประศาสน์, พ.ต. บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, พ.ต. วิศิษฐ์ ควรประดิษฐ์ และพ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ภายหลังก็ได้รับการนิรโทษกรรมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมของปีเดียวกัน[7][8][9][10]
เสียชีวิต
[แก้]วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงได้เบิกตัวพล.อ.ฉลาดออกจากแดนพิเศษไปยังห้องทำการแผนกควบคุม เขาได้ถามเชาวเรศน์ จารุบุศย์ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยง ในห้องทำการแผนกควบคุม ว่า "เชาวเรศน์ ญาติมาเยี่ยมผมเหรอ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม" เชาวเรศน์ก้มหน้าหลบสายตาของเขา และไม่ยอมตอบคำถาม พล.อ. ฉลาดจึงพูดกับเชาวเรศน์ว่า"ถ้าวันนี้ ผมออกมาแล้วไม่ได้กลับเข้าไปในแดนอีก ผมฝากน้องนักศึกษาด้วยนะ" (นักศึกษาหมายถึงวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ และอภินันท์ บัวหะภักดี)[11]
ในเวลา 14.20 น. หัวหน้าฝ่ายควบคุมกลางได้อ่านคำสั่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2519 ให้เขาฟัง พล.อ.ฉลาดฟังด้วยควาสงบก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบคำสั่งมาดูแล้วเซ็นรับทราบ[11]
พล.อ. ฉลาดได้เขียนพินัยกรรมลงในกระดาษจำนวน 4 แผ่น พล.อ. ฉลาด ปฎิเสธที่จะรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย โดยขอดื่มน้ำส้ม 1 ขวด หรือบางแหล่งระบุว่าน้ำเย็นแก้วเดียว[11]
ในเวลา 14.50 น. พระมหาเจียม อุตฎรา ได้เทศนาธรรมเรื่อง "ผลแห่งกรรมที่ทุกคน ได้ก่อไว้ จะต้องได้รับผลกรรมนั้นตามสนอง" เขาได้รับฟังอย่างสงบ โดยในการเทศน์ใช้เวลาทั้งหมด 15 นาที หลังจากพระมหาเจียมเทศน์จบ เขากล่าวสาธุและก้มกราบ 3 ครั้ง ก่อนจะประเคนดอกไม้ธูปเทียนและเงินติดกัณฑเทศน์ถวายพระเป็นจำนวน 100 บาท เขายังได้ถอดนาฬิกาโอเมกาจากข้อมือแล้วพนมมือขึ้นเหนือหัวพร้อมกับอธิษฐานสักครู่ก่อนถวายให้แก่พระมหาเจียม ถัดจากนั้นเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงได้พาตัวของเขาไปยังสถานที่หมดทุกข์เพื่อทำการประหารชีวิต เขาเดินด้วยสีหน้าปกติและไม่มีอาการวิตกกังวลหรือหวาดกลัว เมื่อถึงศาลาแปดเหลี่ยม เจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงได้เข้าผูกตาของเขาเพื่อเตรียมเข้าสู่สถานที่ประหารชีวิต เขาถามเชาวเรศน์ว่า "เชาวเรศน์...ไม่ต้องปิดตาผมได้มั้ย" เชาวเรศน์ตอบกลับว่า"ต้องขออภัยด้วยครับท่านเป็นระเบียบ ผมขออนุญาตครับท่าน" เขาพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นเชาวเรศน์ก็ท่าตามหน้าที่เถอะนะ แต่ขออะไรส้กอย่าง ก่อนยิง ผมขอเป็นคนให้สัญญาณเอง ถ้าหากผมพร้อมเมื่อไหร่ จะเขย่าดอกไม้ในมือ" เชาวเรศน์ตอบตกลง[11]
โดยคำพูดสุดท้ายของพล.อ. ฉลาดระหว่างที่ประถม เครืองเพ่งซึ่งเป็นเพชฌฆาตกำลังเตรียมการประหารชีวิตคือ "ถ้าพร้อมแล้วบอกนะ" ก่อนจะยกมือกระดกขึ้นเพื่อเขย่าดอกไม้ในมือ หลังจากนั้นประถม เครื่องเพ่งได้เหนี่ยวไกปืนประหารชีวิตพล.อ. ฉลาดเมื่อเวลา 15.24 น.[11] [12] ซึ่งเขาเป็นบุคคลล่าสุดที่ถูกประหารชีวิตด้วยข้อหากบฏในประเทศไทย[13][14] [15][16]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
[แก้]- พ.ศ. 2514 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[17]
- พ.ศ. 2511 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[18]
- พ.ศ. 2514 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายหน้า)[19]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)[20]
- พ.ศ. 2505 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.)[21]
- พ.ศ. 2498 – เหรียญชัยสมรภูมิ การร่วมรบกับสหประชาชาติ ณ ประเทศเกาหลี (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด)[22]
- พ.ศ. 2516 – เหรียญชัยสมรภูมิ การรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด)[23]
- พ.ศ. 2513 – เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 2 ประเภทที่ 2 (ส.ช.)[24]
- พ.ศ. 2511 – เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[25]
- พ.ศ. 2498 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[26]
- พ.ศ. 2511 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 3 (ภ.ป.ร.3)[27]
เครื่องอิสริยาภรณ์สากล
[แก้]- สหประชาชาติ :
- พ.ศ. 2496 – เหรียญสหประชาชาติเกาหลี[28]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
[แก้]- สหรัฐ:
- พ.ศ. 2495 – เพรสซิเดนเชิล ยูนิท ไซเทเชิน (ทหารบก)
- พ.ศ. 2498 – เหรียญบรอนซ์สตาร์[29]
- พ.ศ. 2512 – ลีเจียนออฟเมอริต ชั้นนายทหาร[30]
- ลาว :
- พ.ศ. 2510 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์ล้านช้างร่มขาว ชั้นทุติยาภรณ์[31]
- เวียดนามใต้ :
ดูเพิ่ม
[แก้]บรรณานุกรม
[แก้]- เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (2547). เพชฌฆาตคนสุดท้าย. กรุงเทพ: ดอกหญ้ากรุ๊ป. ISBN 974-924-446-X.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดยศทหาร, เล่ม ๙๔ ตอนที่ ๓๔ ง หน้า ๑๘๒๔, ๒๖ เมษายน ๒๕๒๐
- ↑ คณะทหารหนุ่ม (6) พล.อ.ฉลาด ‘ดาวรุ่ง’ แห่งกองทัพบก | บทความพิเศษ
- ↑ 40 ปี รัฐประหาร 26 มีนาคม (1) รำลึก “พลเอกฉลาด หิรัญศิริ” | สุรชาติ บำรุงสุข
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 “กบฏ เสธ. ฉลาด” ความพยายามรัฐประหารซ้อนหลัง 6 ตุลาฯ เหลวไม่เป็นท่าเพราะนัดแล้วไม่มา
- ↑ “กบฏ เสธ. ฉลาด” ความพยายามรัฐประหารซ้อนหลัง 6 ตุลาฯ เหลวไม่เป็นท่าเพราะนัดแล้วไม่มา
- ↑ อรุณ ทวาทศิน : วันดับกับเหตุการณ์ดุ[ลิงก์เสีย]
- ↑ พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการอันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 25 และวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2520
- ↑ 26 มี.ค.2520 เหตุการณ์ที่นำมาสู่ การประหารชีวิตกบฏคนสุดท้าย!
- ↑ รัฐประหารซ้ำซ้อน ฉีก”รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย2519 (ฉบับที่ 11)EP.10
- ↑ สนั่น ขจรประศาสน์ ทหารกับการเมือง
- ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 เพชฌฆาตคนสุดท้าย, p. 76-92
- ↑ คณะทหารหนุ่ม (16) | ทำไมต้องประหาร พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ
- ↑ 26 มี.ค.2520 เหตุการณ์ที่นำมาสู่ การประหารชีวิตกบฏคนสุดท้าย!
- ↑ รัฐประหารซ้ำซ้อน ฉีก”รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย2519 (ฉบับที่ 11)EP.10
- ↑ คณะทหารหนุ่ม (16) | ทำไมต้องประหาร พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ
- ↑ ข้าพเจ้าเห็นการยิงเป้า
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๘๘ ตอนที่ ๑๕๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๑, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๘๕ ตอนที่ ๑๒๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๗, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า, เล่ม ๘๘ ตอนที่ ๔๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๙, ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๕๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๘๓๐, ๙ ธันวาคม ๒๔๘๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๗๙ ตอนที่ ๘๓ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๙, ๘ กันยายน ๒๕๐๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิดสำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๓๘ ง หน้า ๑๑๘๕, ๒๔ พฤษภาคม ๒๔๙๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิดสำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๙๐ ตอนที่ ๑๘๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๑๕, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๘๗ ตอนที่ ๙๗ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒, ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๘๕ ตอนที่ ๘๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒, ๓ ตุลาคม ๒๕๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๙๙ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๐๕, ๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๘๕ ตอนที่ ๒๕ ง หน้า ๘๘๓, ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเหรียญปฏิบัติงานสหประชาชาติ, เล่ม ๗๐ ตอนที่ ๕๑ ง หน้า ๒๓๕๑, ๒๓ มิถุนายน ๒๔๙๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๒๒ ง หน้า ๗๗๔, ๒๙ มีนาคม ๒๔๙๘
- ↑ AGO 1969-85 — HQDA GENERAL ORDER: MULTIPLE AWARDS BY PARAGRAPHS
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๘๔ ตอนที่ ๖๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๒, ๑๓ กรกฏาคม ๒๕๑๐
Text is available under the CC BY-SA 4.0 license; additional terms may apply.
Images, videos and audio are available under their respective licenses.